1. น้ำหนัก
น้ำหนักของสิ่งของเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานที่คุณต้องนึกถึง และควรเลือกรถที่สามารถตอบสนองต่อการทำงานของคุณได้เป็นอย่างดี เช่น น้ำหนักมาก หรือน้อย
2. สถานที่ใช้งาน
สถานที่ใช้งาน หรือสภาพอากาศนั้น มีผลต่อรถโฟล์คลิฟท์ในแต่ละประเภท เช่น ประเภทเครื่องยนต์ดีเซล สามารถทนต่อความร้อน และงานกลางแจ้ง แต่ไม่เหมาะกับที่ที่ไม่มีอากาศถ่ายเท เนื่องจากมีเขม่าควันมาก ประเภทระบบไฟฟ้า ไม่เหมาะกับทำงานในที่เปียกชื้น หรือเย็นจัด เป็นต้น ดังนั้น คุณควรคำนึงถึงสถานที่ปฏิบัติงานด้วยทุกครั้ง เพื่อการใช้งานที่มีคุณภาพ และเป็นการถนอมการใช้งาน
3. ขนาดของรถ
ขนาดของรถที่ใช้ ควรเหมาะกับงานและสถานที่ เช่น จัดเก็บของในที่แคบ หากใช้รถที่มีขนาดใหญ่ หรือรถที่มีวงเลี้ยวกว้าง ก็จะไม่เหมาะกับงานประเภทนั้น ทำให้การทำงานล่าช้า ไม่สะดวก หรือเสียหายต่อผลประโยชน์ได้
4. ความสูง
เลือกรถที่มีความสูงเหมาะสมกับงานที่ต้องการทำ ดูเสาที่สามารถยืด-หดได้ หรืออาจต้องการแบบที่จะเข้าไปยกของในตู้คอนเทนเนอร์ได้ เป็นต้น
5. ระบบเกียร์
ว่าต้องการเกียร์ธรรมดา หรือเกียร์อัตโนมัติ
6. อุปกรณ์พิเศษอื่นๆ
คุณอาจต้องการติดตั้งอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ในการทำงาน เช่น ที่คีบหรือที่หนีบ งาหมุน งาเท เป็นต้น
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว คุณอาจคำนึงถึงยี่ห้อของรถด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับความถูกใจ และความพอใจของผู้ใช้งาน แต่ก็อย่าลืมถึงด้านประโยชน์ใช้สอยที่เหมาะสมกับงานเป็นหลัก
รถโฟล์คลิฟท์มีด้วยกันหลายประเภท ดังนี้ - การขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า - การขับเคลื่อนด้วยเครื่อง
รถโฟล์คลิฟท์ เป็นรถยกที่นิยมใช้กันในแวดวงอุตสาหกรรม ช่วยในการขนย้ายสิ่งของ และการขนส่ง เราอาจเคย
การใช้งาน Forklift นอกจากจะต้องตรวจเช็คสภาพของรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอย่างแท้จริงแล้วนั้น
หมวดหมู่บทความ
ผู้สนับสนุน