1. ตรวจดูสภาพโดยทั่วไปของรถ
ควรตรวจดูว่ารถยังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ และมีจุดใดที่ผิดปกติหรือไม่ ดูสภาพเครื่องยนต์ กรองอากาศ ไฟหน้า ไฟหลัง ไฟเลี้ยว แตร ระบบไฟบนหน้าปัด การควบคุมดังใจ เป็นต้น
2. ดูชั่วโมงการทำงาน
เพื่อนำมาคิดว่ารถนั้นถูกใช้งานมาประมาณกี่ปี
3. ตรวจดูการรั่วซึม
ดูการซีล และตามบริเวณต่างๆ ให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วซึมต่างๆ
4. ตรวจดูระบบของเหลว
เช่น น้ำมันเบรก น้ำมันไฮดรอลิก น้ำกลั่น น้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ เป็นต้น
5. ตรวจดูสภาพยาง
ยางต้องอยู่ในสภาพดี เพราะมีผลในการขับและการเบรก
6. ตรวจดูเสายก
เสายกควรอยู่ในสภาพดี เพราะเป็นสิ่งสำคัญในการทำงาน ต้องตรง ไม่งอ ไม่โยกในขณะรถวิ่ง สามารถยกงาขึ้นลงได้สุด และไม่ควรมีการดัดแปลงเพื่อให้ยกของได้สูงขึ้น รวมถึงควรตรวจดูว่าโซ่ข้างใดข้างหนึ่งหย่อนหรือไม่ ด้วยการทดลองยกขึ้นลง
7. ตรวจสอบเรื่องประกันของรถและการรับประกันจากผู้ขาย
เป็นเรื่องที่สำคัญและควรสอบถามการรับประกันจากผู้ขายให้แน่ชัด และมีรายละเอียดชัดเจน
8. หากเป็นรถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้า ต้องตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่และตู้ชาร์จ
แบตเตอรี่ ตู้ชาร์จแบตเตอรี่ต้องอยู่ในสภาพดี สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง ซึ่งอาจถามได้จากผู้ขายว่าสามารถใช้ต่อเนื่องได้กี่ชั่วโมง รวมไปถึงสอบถามเกี่ยวกับตู้ชาร์จว่าเป็นแบบชาร์จในตัวรถหรือภายนอกรถ
หากคุณใส่ใจในการตรวจสอบคุณภาพ และสภาพการใช้งานของระบบต่างๆ ก็สามารถมั่นใจได้ว่า คุณได้รถโฟล์คลิฟท์ที่สภาพดี สมราคา และคุ้มค่าที่จะลงทุนแล้วล่ะค่ะ
สำหรับการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ ค่อนข้างมีความยุ่งยากในการตรวจ เช็คสภาพรถโฟล์คลิฟท์ หลายอย่าง และหลา
รถโฟล์คลิฟท์ เป็นรถยกที่นิยมใช้กันในแวดวงอุตสาหกรรม ช่วยในการขนย้ายสิ่งของ และการขนส่ง เราอาจเคย
ในปัจจุบันนี้ มีรถโฟล์คลิฟท์มากมายหลายยี่ห้อ หลายรุ่น หลายแบบ และมีความเหมาะสมต่อการทำงานที่แตกต่า
หมวดหมู่บทความ
ผู้สนับสนุน