1. เป็นการรับผิดชอบต่อสังคม เพราะไม่ทำให้เกิดมลพิษทั้งทางอากาศ และทางเสียง เพราะไม่มีเขม่าควัน ไม่มีเสียงดังรบกวน ทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม และพนักงานด้วย
2. ไม่ต้องกักเก็บเชื้อเพลิง ซึ่งถือเป็นวัตถุไวไฟ และอาจก่อให้เกิดความเสียหายในโรงงาน หรือโกดังเก็บของได้อีกด้วย
3. ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิง
4. ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาน้อย เพราะไม่ต้องดูแลเครื่องยนต์ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ หรือน้ำในหม้อน้ำ
5. ระบบไฟฟ้าสามารถจุของได้มากกว่า และมีความมั่นคงมากกว่าเมื่อยกของสูง หากเทียบกับรถประเภทใช้เครื่องยนต์ต่างๆ
6. รัศมีการเลี้ยวดีกว่า ทำให้สามารถกักเก็บสินค้าในโกดังได้มากขึ้น เพราะรถใช้พื้นที่น้อยในการเคลื่อนไหวนั่นเอง
7. แม้ตัวรถระบบไฟฟ้าจะมีราคาสูงกว่าประเภทอื่น แต่เบ็ดเสร็จแล้วค่าใช้จ่ายต่างๆ จะต่ำกว่ารถประเภทที่ใช้เครื่องยนต์
8. แม้จะมีการถกเถียงถึงรายละเอียดต่างๆ ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ก็ยังคงสรุปได้ว่า รถระบบไฟฟ้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า
9. เบรกจะสึกหรอน้อยกว่าเพราะเป็นไปโดยอัตโนมัติและรวดเร็ว เนื่องจากการคิดค้นและพัฒนามาโดยเฉพาะของรถโฟล์คลิฟท์ประเภทระบบไฟฟ้า
10. ไม่มีการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในขณะที่ต้องรอยกสินค้า
จะเห็นได้ว่า การใช้รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้า มีประโยชน์ทั้งในด้านการใช้งาน การซ่อมบำรุง และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แม้ว่าจะไม่เหมาะกับการใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง แต่ก็สามารถแก้ปัญหานี้ไปได้ด้วยการมีแบตเตอรี่สำรองไว้ใช้ ดังนั้น รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้า จึงเป็นตัวเลือกที่ดีมากในการใช้งาน
รถโฟล์คลิฟท์มีด้วยกันหลายประเภท ดังนี้ - การขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า - การขับเคลื่อนด้วยเครื่อง
โฟล์คลิฟท์ หรือรถสำหรับยกสินค้า เป็นรถที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการยกสินค้าขึ้นลง รวมถึงใช้ในการจ
Forklift เป็นรถที่ต้องใช้งานอยู่แทบจะตลอดเวลา หรือในบางแห่งมีการใช้งานตลอดเวลา นอกจากจะไม่มีเวลา
หมวดหมู่บทความ
ผู้สนับสนุน